Please use this identifier to cite or link to this item: http://www.updc.clm.up.ac.th//handle/123456789/1962
Title: ปัญหาและอุปสรรคในการมีทนายความขอแรงในชั้นจับกุมของพนักงานตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 7/1 : กรณีศึกษาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย
Other Titles: The Problems and Obstacles in Having the Defense Counsel in the Police Arrest Process According to the Criminal Procedure Code Section 7/1 : A Case Study in Chiang Rai Province
Authors: เพ็ชรหาญ, ธนโชติ
Keywords: ทนายความขอแรง
ชั้นจับกุมของพนักงานตำรวจ
กระบวนการของรัฐที่ดีที่คำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
การควบคุมอาชญากรรมโดยรัฐ
สิทธิมนุษยชน
จังหวัดเชียงราย
Defense counsel
Arrest process
Due process
Crime control
Human rights
Chiang Rai province
Issue Date: 2562
Publisher: มหาวิทยาลัยพะเยา
Citation: http://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option=show&institute_code=191&bib=1603&doc_type=0&TitleIndex=1
Abstract: ชั้นการจับกุม เป็นขั้นตอนสำคัญอย่างหนึ่งในการดำเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 71 บัญญัติว่า ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหามีสิทธิพบและปรึกษาผู้ซึ่งจะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะตัว และให้ทนายความเข้าฟังการสอบปากคำได้ในชั้นสอบสวน และตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 29 บัญญัติว่า ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิดจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้น เสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ การควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจำเลยให้กระทำได้เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนี แม้ปัจจุบันรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณจักรไทย พุทธศักราช 2560 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจะบัญญัติคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้ตาม แต่โดยสภาพความเป็นจริงในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของไทย ปรากฎว่าการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ต้องหาหรือจำเลย ยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังไม่ได้รับความคุ้มครองสิทธิตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เนื่องจากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 71 บัญญัติแต่เพียงว่าผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมมีสิทธิพบ และปรึกษาผู้ซึ่งจะป็นทนายความได้เป็นการเฉพาะตัว โดยบทบัญญัติดังกล่าวมิได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ และระยะเวลาในการให้สิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความในทันทีที่มีการจับกุม และไม่มีการกำหนดบทบัญญัติที่ให้รัฐต่อจัดหาทนายความให้แก่ผู้ต้องหาในชั้นจับกุม ทำให้ผู้ต้องหาไม่ได้รับโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ดังนั้น ข้อเสนอแนะ คือ 1) ควรมีการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยเพิ่มเติมบทบัญญัติในมาตรา 7/1 โดยการกำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการให้สิทธิที่จะพบ และปรึกษาทนายความในทันทีที่มีการจับกุม 2) การกำหนดบทบัญญัติที่ให้รัฐต้องจัดหาทนายความให้แก่ผู้ต้องหาในชั้นจับกุม ในกรณีที่มีฐานะยากจนและไม่มีความสามารถในการหาทนายความได้ด้วยตนเอง 3) ในคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปนั้น ถือว่าเป็นคดีอาญาที่มีอัตรโทษร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อชีวิตและเสรีภาพของผู้ต้องหา เป็นอย่างมากจึงควรมีทนายความร่วมอยู่ด้วยในการแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อทนายความได้คัดค้าน หากการแจ้งข้อกล่าวหาไม่ถูกต้องเพื่อเป็นการรักษาสิทธิและเสรีภาพของผู้ต้องหาในชั้นจับกุม ให้สมดั่งเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
URI: http://www.updc.clm.up.ac.th//handle/123456789/1962
Appears in Collections:ระดับปริญญาโท (Master Degree)

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Tanachot Pethan.pdfTanachot Pethan1.51 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.