กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: http://www.updc.clm.up.ac.th//handle/123456789/1347
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาความตระหนักรู้ในวัฒนธรรมที่แตกต่างของผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศผ่านการใช้รูปแบบการสอนวรรณคดี
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Fostering Intercultural Awareness of EFL Learners Through the use of Literature Instructional Model
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: เพ็งลุน, ปองเอก
คำสำคัญ: ความตระหนักรู้ในวัฒนธรรมที่แตกต่าง
ผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ
รูปแบบการสอนวรรณคดี
Intercultural awareness
EFL Learners
Literature Instructional Model
วันที่เผยแพร่: 2563
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยพะเยา
แหล่งอ้างอิง: http://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option=show&institute_code=191&bib=1532&doc_type=0&TitleIndex=1
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาระดับการตระหนักรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 3 2) เพื่อศึกษาหาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนวรรณคดีในการเสริมสร้างการตระหนักรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และ 3) เพื่อศึกษาทัศนคติของนักศึกษาต่อการใช้รูปแบบการสอนวรรณคดี ประชากร คือ นักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 3 จำนวน 47 คน คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชา เรื่องสั้น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ จำนวน 24 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ บทเรียนเรื่องสั้น 9 แผน แบบทดสอบการตระหนักรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง แบบสอบถามแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบเขียนสะท้อนคิด และแบบสังเกตการณ์ในชั้นเรียน ข้อมูลเชิงปริมาณใช้การวิเคราะห์ทางสถิติโดยการหาค่า paired sample t-test ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และขณะที่ข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) ผลการศึกษาพบว่า 1) มีความแตกต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ยจากแบบทดสอบการตระหนักรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างก่อนและหลังเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 มีค่าอิทธิพลเฉลี่ย 1.350 ซึ่งหมายถึงค่าอิทธิพลมาก และมีการตระหนักรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง 2) การใช้รูปแบบการสอนวรรณคดีเพื่อเสริมสร้างการตระหนักรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง มีประสิทธิภาพมีค่าเท่ากับ 81.57/81.13 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ 80/80 3) แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบเขียนสะท้อนคิด แบบสังเกตในชั้นเรียน นำมาช่วยเสริมผลของแบบสอบถามว่า นักศึกษามีทัศนคติในแง่บวกต่อการสอนนี้โดยใช้รูปแบบการสอนวรรณคดี ในภาพรวมอยู่ในระดับ “เห็นด้วย” (x̄ = 4.26 and S.D. = 0.33) นอกจากนี้ผลการศึกษาของแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง พบว่า รูปแบบการสอนวรรณคดีส่งเสริม การตระหนักรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างและเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ดีของนักศึกษาต่อวัฒนธรรมที่เหมือนกันและแตกต่างกันในประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียน เช่นเดียวกันกับกิจกรรมของรูปแบบการสอนวรรณคดีในแต่ละบทเรียนสามารถส่งเสริมการอภิปรายกลุ่มและการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน
URI: http://www.updc.clm.up.ac.th//handle/123456789/1347
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:ปริญญาเอก(Doctoral Degree)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
Pong-ek Pengloon doc.pdfPong-ek Pengloon4.68 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น