Please use this identifier to cite or link to this item: http://www.updc.clm.up.ac.th//handle/123456789/484
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorนวธนโชติ, ปนัดดา-
dc.date.accessioned2020-09-22T04:30:54Z-
dc.date.available2020-09-22T04:30:54Z-
dc.date.issued2561-
dc.identifier.citationhttp://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option=show&institute_code=191&bib=1214&doc_type=0&TitleIndex=1en_US
dc.identifier.urihttp://10.209.10.67:8080/handle/123456789/484-
dc.description.abstractการวิจัยนี้แบบผสมผสานในเชิงคุณภาพและปริมาณมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการเข้าสู่ตำแหน่งบริหารของผู้บริหารสตรีในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มประชากร ได้แก่ ผู้บริหารสตรีโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1-10 จำนวน 549 คน ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่ส่งเสริมการเข้าสู่ตำแหน่งบริหารของผู้บริหารสตรีในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษา ประกอบด้วย 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ปัจจัยเชิงบุคคลและปัจจัยเชิงวิชาชีพ การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการเข้าสู่ตำแหน่งบริหารของผู้บริหารสตรีในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษา ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ พบว่า ปัจจัยเชิงบุคคลที่ส่งเสริมการเข้าสู่ตำแหน่งบริหารของผู้บริหารสตรีในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาประกอบด้วย 7 องค์ประกอบ ได้แก่ การมีความมุ่งมั่น ความมั่นใจในความสามารถของตนเอง ความกล้าเผชิญความขัดแย้ง การจัดสมดุลงานและครอบครัว การเชื่อในบทบาทที่ไม่ได้ขัดแย้งกัน ความสะดวกในการย้ายถิ่นฐาน และการได้รับการสนับสนุนจากคู่ครอง ส่วนปัจจัยเชิงวิชาชีพที่ส่งเสริมการเข้าสู่ตำแหน่งบริหารของผู้บริหารสตรี ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษา ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การเข้าถึงเครือข่ายของบุรุษ 2) การสร้างเครือข่ายระหว่างสตรี 3) การสร้างการยอมรับจากเพศตรงข้าม 4) การยืนหยัดต่อคุณค่าของสตรี 5) โครงสร้างของผลตอบแทนที่เท่าเทียมกัน 6) การมีผู้ชี้แนะและแบบอย่างภายในองค์กร 7) ภาพลักษณ์ของผู้นำแบบชายเป็นใหญ่ และ 8) การขัดเกลาบทบาททางเพศ และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันระดับที่สอง ของตัวแปรการส่งเสริมการเข้าสู่ตำแหน่งบริหาร ของผู้บริหารสตรีในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษา พบว่า มีองค์ประกอบ 14 องค์ประกอบที่นํ้าหนักองค์ประกอบ (Factor loading) ทุกค่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนด คือ มีค่ามากกว่า 0.40 โดย มิติเชิงจิตวิทยา มีค่านํ้าหนัก องค์ประกอบมากที่สุดเท่ากับ 0.999 เมื่อพิจารณาค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard error: SE) และค่าสถิติ t พบว่า นํ้าหนักองค์ประกอบแต่ละค่าแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 อย่างไรก็ตามองค์ประกอบภาพลักษณ์ของผู้นำแบบชายเป็นใหญ่ มีค่านํ้าหนักองค์ประกอบ 0.217 ค่า R2 ซึ่งเป็นค่าที่บอกสัดส่วนความแปรผันระหว่างตัวแปรสังเกตได้กับองค์ประกอบร่วม (Communalities) พบว่า การได้รับมิติเชิงจิตวิทยา มีค่า R2 มากที่สุดเท่ากับ 0.998 รองลงมา คือ มิติเชิงการเมือง มีค่าเท่ากับ 0.994 และน้อยที่สุด คือ การมีโครงสร้างของผลค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกัน มีค่าเท่ากับ 0.047 ในภาพรวมพบว่า การวิเคราะห์รูปแบบมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 การประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินว่ารูปแบบการส่งเสริมการเข้าสู่ตำแหน่งบริหารของผู้บริหารสตรีในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษา มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดen_US
dc.description.sponsorshipมหาวิทยาลัยพะเยาen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยพะเยาen_US
dc.subjectการเข้าสู่ตำแหน่งบริหารen_US
dc.subjectผู้บริหารสตรีen_US
dc.subjectปัจจัยเชิงบุคคลen_US
dc.subjectปัจจัยเชิงวิชาชีพen_US
dc.subjectการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันen_US
dc.subjectโรงเรียนมัธยมศึกษาen_US
dc.subjectสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานen_US
dc.subjectAdministrative position in schoolen_US
dc.subjectModel for promoting women administrator in educational administrationen_US
dc.subjectPersonal factoren_US
dc.subjectProfessional factoren_US
dc.subjectBasic education schoolen_US
dc.titleรูปแบบการส่งเสริมการเข้าสู่ตำแหน่งบริหารของผู้บริหารสตรีในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาen_US
dc.title.alternativeModel for Promoting Women to Become Administrative Position in Basic Education Schoolen_US
dc.typeThesisen_US
Appears in Collections:ปริญญาเอก(Doctoral Degree)

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
10.Panatda Nawathanachot.pdfPanatda Nawathanachot3.22 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.