Please use this identifier to cite or link to this item:
http://www.updc.clm.up.ac.th//handle/123456789/2169
Title: | ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราป่วยโรคไข้เลือดออกในชุมชน: กรณีศึกษาเปรียบเทียบระหว่างหมู่บ้านที่มีอัตราอุบัติการณ์เกิดโรคไข้เลือดออกสูงและต่ำ อำเภอปง จังหวัดพะเยา |
Other Titles: | Factors Affecting on Dengue Hemorrhagic Fever in Community: Case Study of Comparison between the Village with High and Low Incidence Density Rate in Pong District, Phayao Province |
Authors: | เกนทา, อภิรุจี |
Keywords: | โรคไข้เลือดออก อุบัติการณ์ หมู่บ้าน จังหวัดพะเยา Dengue fever Community Incidence density Phayao Province |
Issue Date: | 2559 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยพะเยา |
Citation: | http://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option=show&institute_code=191&bib=939&doc_type=0&TitleIndex=1 |
Abstract: | การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่งแบบตัดขวาง (Cross-sectional study) มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่ออัตราป่วยโรคไข้เลือดออกในชุมชน ระหว่างหมู่บ้านที่มีอัตราอุบัติการณ์เกิดโรคไข้เลือดออกสูงและต่ำ อำเภอปง จังหวัดพะเยา ประเทศไทย ระหว่างเดือนสิงหาคม 2558 –มีนาคม 2559 โดยศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง ในพื้นที่ที่มีอัตราอุบัติการณ์เกิดโรคไข้เลือดออกสูง จำนวน 202 หลังคาเรือน และอุบัติการณ์ต่ำ จำนวน 178 หลังคาเรือน เก็บข้อมูลโดยแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ร่วมกับการสัมภาษณ์เชิงลึกในกลุ่มผู้นำชุมชน จำนวน 10 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา อธิบายความสัมพันธ์โดยใช้สถิติไคสแควร์ และการวิเคราะห์ความถดถอยไบนารีโลจิสติค ผลการศึกษาพบว่า หมู่บ้านที่ประชาชนติดมุ้งลวดในบ้านครบทุกบาน จะมีโอกาสที่จะมีอุบัติการณ์โรคไข้เลือดออกสูงมากกว่า 13.11 เท่าของหมู่บ้านที่ไม่ติดมุ้งลวด (95% CI 4.29-40.07) หมู่บ้านที่ประชาชนไม่มีการเลี้ยงสัตว์ จะมีโอกาสที่จะมีอุบัติการณ์โรคไข้เลือดออกสูงมากกว่า 5.82 เท่าของหมู่บ้านที่มีการเลี้ยงสัตว์ (95% CI 2.60-13.04) หมู่บ้านที่ประชาชนจัดการขยะโดยการแยกไว้ขาย เผา ฝัง/กลบ จะมีโอกาสที่จะมีอุบัติการณ์โรคไข้เลือดออกสูงมากกว่า 31.85 เท่า ของหมู่บ้านที่ไม่ได้จัดการขยะ โดยการแยกไว้ขาย เผา ฝัง/กลบ (95% CI 2.51-403.58) หมู่บ้านที่ประชาชนมีระดับการปฏิบัติ ในการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกระดับน้อย จะมีโอกาสที่จะมีอุบัติการณ์โรคไข้เลือดออกสูงมากกว่า 18.18 เท่าของหมู่บ้านที่มีระดับการปฏิบัติในการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกระดับดี (95% CI 5.46-60.53) หมู่บ้านตรวจพบค่าดัชนีลูกน้ำยุงลาย (CI) ระดับไม่ปลอดภัย จะมีโอกาสที่จะมีอุบัติการณ์โรคไข้เลือดออกสูงมากกว่า 15.45 เท่า ของหมู่บ้านตรวจพบค่าดัชนีลูกน้ำยุงลาย (CI) ระดับปลอดภัย (95% CI 6.14-38.87) หมู่บ้านที่ประชาชนไม่เข้าร่วมมาตรการทางสังคมของชุมชน จะมีโอกาสที่จะมีอุบัติการณ์โรคไข้เลือดออกสูงมากกว่า 63.52 เท่าของหมู่บ้านที่ประชาชนเข้าร่วมมาตรการทางสังคมของชุมชน (95% CI 7.80-517.36) ผลของการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราป่วยโรคไข้เลือดออก ผลจากการศึกษาครั้งนี้ จะสามารถนำไปกำหนดยุทธศาสตร์ในการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก เช่น กำหนดแนวทางการดำเนินการป้องกัน ควบคุมโรคไข้เลือดออก โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน การกำหนดมาตรการชุมชน เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อไม่ให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย |
URI: | http://www.updc.clm.up.ac.th//handle/123456789/2169 |
Appears in Collections: | ระดับปริญญาโท (Master Degree) |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Apirujee Kenta.pdf | Apirujee Kenta | 3.03 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.