Please use this identifier to cite or link to this item: http://www.updc.clm.up.ac.th//handle/123456789/1995
Title: การบริหารจัดการสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ของโรงเรียนในศูนย์เครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาวาวี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2
Other Titles: Managing The School's Learning Environment in The Networked Center Improve Educational Quality Wawee under the Area Office Primary Education Chiang Rai Region 2
Authors: ก้อสละ, กฤษนุ
Keywords: การบริหารจัดการสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้
ศูนย์เครือข่ายพัฒนาการจัดการศึกษาวาวี
Management learning environmental
Wawee educational management development network center
Issue Date: 2564
Publisher: มหาวิทยาลัยพะเยา
Citation: http://202.28.199.150/dcupload_/mainmetadata.php?option=edit&SelectDocType=0&bib=1856
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ของโรงเรียนในศูนย์เครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาวาวี และ 2) ศึกษาข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ของโรงเรียนในศูนย์เครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาวาวี ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารและครูผู้สอน โรงเรียนในศูนย์เครือข่ายพัฒนาการจัดการศึกษาวาวี จำนวน 100 คน รวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม (Rating scale) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้ 1) การบริหารจัดการสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ของโรงเรียนในศูนย์เครือข่ายพัฒนาการจัดการศึกษาวารี พบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงลำดับแรกจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ สภาพแวดล้อมด้านการบริหารอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา สภาพแวดล้อมด้านสังคมและกลุ่มเพื่อน และสภาพแวดล้อมด้านการจัดการเรียนการสอน ตามลำดับ 2) ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ ของโรงเรียนในศูนย์เครือข่ายพัฒนาการจัดการศึกษาวาวี พบว่า 2.1) สภาพแวดล้อมด้านอาคารสถานที่ พบว่า ควรปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน แหล่งเรียนรู้ให้พร้อมใช้งานเอื้อต่อการเรียนรู้มีความถี่สูงสุด รองลงมา คือ ควรจัดสรรงบประมาณมาสร้างแหล่งเรียนรู้ทางด้านเทคโนโลยี และควรให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการปรับปรุง พัฒนาอาคารสถานที่ของโรงเรียน ตามลำดับ 2.2) สภาพแวดล้อมด้านการจัดการเรียนการสอน พบว่า ควรนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาช่วยสอนมีความถี่สูงสุด รองลงมา คือ การยึดชีวิตจริงของผู้เรียนเป็นหลักในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เน้นให้ผู้เรียนมีศักยภาพในการคิดเชิงระบบ และคิดอย่างมีวิจารณญาณ ค้นพบตนเอง และจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างหลากหลาย ตามลำดับ 2.3) สภาพแวดล้อมด้านสังคมและกลุ่มเพื่อน พบว่า จัดกิจกรรมเสริมทางด้านวิชาการมีความถี่สูงสุด รองลงมา คือ ออกแบบกิจกรรมให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมกลุ่มอย่างหลากหลาย และเปลี่ยนกลุ่ม ตามลำดับ 2.4) สภาพแวดล้อมด้านการบริหาร พบว่า ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความถี่สูงสุด รองลงมา คือ ให้ชุมชนได้มามีส่วนร่วมในการจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียน
URI: http://www.updc.clm.up.ac.th//handle/123456789/1995
Appears in Collections:ระดับปริญญาโท (Master Degree)

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Klisnu Kosala.pdfKlisnu Kosala1.97 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.